artisan

ภาพถ่ายของฉัน
ชื่อ:
ตำแหน่ง: กรุงเทพฯ, Thailand

ฉันเป็นคนความจำสั้นน่ะ เหมือนเมมโมรี่สมองมันเกือบเต็มแล้ว ไม่สามารถเก็บอะไรได้มากไปกว่าที่มีอยู่นี้แล้ว บางครั้งสมองก็ Auto Delete เพื่อความสบายตัวของหัวสมองเอง ดังนั้นฉันจึงต้องบันทึกการเดินทาง ชีวิตและความคิด... บางส่วนไว้... เพื่อกันลืม และเผื่อมีใครอยากอ่าน อยากรับรู้บ้าง...ฉันก็ยินดี sharkyja@yahoo.com

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

Key West (more)

เนื่องจากรูปภาพที่ฉันอยากโชว์ยังมีอีก จึงมี Key West (more) โดยที่ไม่ต้องมีใครมาร้อง อังกอร์ อังกอร์
ฉันจัดให้...


รูปแรกนี้เป็นป้ายร้านเบียร์ หน้าตาเจ้าของผู้ก่อตั้งเหมือนคุณลุงเออร์เนส เฮมมิ่งเวย์ อีกแล้วอ่ะ สงสัยคนเมืองนี้จะโคลนนิ่งกันออกมาจริงๆ นะ


ทายสิ ไก่จริงไก่ปลอม
เห็นไก่ตัวนี้เดินๆ อยู่ เอ๊... นึกว่าเดินอยู่สุราษฎร์ สวนโมกข์ ซะอีก เดินไปไหนก็เห็นแต่ไก่เหมือนกัน เป็นเกาะเหมือนกัน เออ... เขามี เรามี เหมือนกัน เลยอ่ะ (เฉลย ไก่จริงจ้ะ)


นี่ไง คิวย๊าว ยาว ที่จะถ่ายรูปกับเจ้าก้อนสีแสบซ่า The Must ของ Key West


ทายสิ สัปะรดจริง หรือปลอม (ทายไม่ถูกก็ต้องไปตัดแว่นแล้วล่ะ ตาไม่เป็นสัปะรดเลย)

หน้าร้าน Key Lime Pie ขนมขึ้นอยู่ของที่นี่เขาล่ะ


ป้ายหน้าหาด ที่เขาบอกว่าเป็นหาดที่อยู่ใต้สุดของ USA นะจ๊ะ แล้วก็บอกด้วยนะว่านักเขียนชื่อดัง Tennessee Williams (ผู้เขียนหนังสือดังมากมายหลายเรื่อง อาทิ A Streetcar Named Desire) มาว่ายน้ำที่นี่ทุกเช้าเลย

อะไรๆ ก็ต้องบอกว่าใต้สุดๆ สุด USA บ้านหลังนี้ก็เช่นกัน เป็นบ้านใต้สุดๆ สุดอเมริกาแล้วนะ ไม่มีใครใต้ไปกว่านี้ โน่น... เจอบ้านอีกทีก็ที่คิวบา จ้า
บ้านหลังนี้ปัจจุบันเป็นโรงแรมแล้ว ใครอยากไปนอนที่ใต้สุดของ USA ก็ต้องมานอนที่บ้านหลังนี้กันนะจ๊ะ


ฉันเห็นทรงต้นไม้นี้แปลกตาดี จึงถ่ายรูปไว้ พอมาอ่านประวัติก็ยิ่งแปลก...ชอบจัง
อยากรู้เหรอ... อ่านข้างล่างแล้วแปลเองละกันนะ (คลิ๊ก ขยายอ่านได้จ้า)


มาที่นี่ ทั้งไมอามี่และตลอดทางที่จะมา Key West เห็นเรือยอร์จลำโตๆ มากมาย ตื่นเต้น นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง ไททานิก ตลอดเลย (คุณลุงคนขับรถทัวร์ก็เปิดหนังเรื่องนี้ฉายระหว่างทางกลับด้วยนะ... อินกับบรรยากาศมาก) ปะเข้ากับเรือลำโตของ Disney ก็ต้องเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันหน่อยล่ะ



โปรดสังเกตุท้องฟ้า เมฆเยอะมาก ที่นี่ก็อากาศแปรปรวนมาก หากไม่มีแดด นั่งหลบแดด หรือพระอาทิตย์เบื่อที่โชว์รัศมี แอบอยู่ในเมฆ
เราก็จะรู้สึกเย็น นั่งนานๆ ก็หนาว แต่หากแดดออกเมื่อไหร่ก็ร้อนล่ะ ฉันไม่ได้ทากันแดดไป กลับมาหน้าดำ น้องที่บ้านถาม เอ๊... ไปไมอามี่ หรือไปอีสานเนี่ย อ้าว... ไปชายหาด กลับมาก็ต้องดำเป็นหลักฐานใช่มั้ย ไม่งั้นไม่เชื่อว่าไปทะเลจริง (ฉันนี่แย่เนอะ ไม่รักงามเลย ลืมทากันแดดตลอด)

ตึกเก่าสีแดงอันนี้ เขาอนุรักษ์ไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ของฉัน อ้าว... ก็ Art Museum ไง แหม ไม่เก็ท...


ทายอีกทีสิ คนกวาดถนน คนจริง คนปลอม เด็กเสื้อฟ้า เด็กจริงเด็กปลอม
ทายถูกอ่ะเป่า...

นี่ไง ป้ายหน้า Museum ทายอีกสิ คนเสื้อเขียว ที่ถ่ายรูปอยู่นั่นน่ะ คนจริง คนปลอม เพื่อนฉันจะถ่ายรูปฉันในมุมเนี้ยะแหละ ฉันก็ยืนร๊อ รอ... เพื่อนก็ไม่ยอมกดชัตเตอร์ซะที ฉันก็ถาม ทำไม นานจัง เพื่อนบอก "รอจังหวะให้คนนั้นเขาออกไปก่อนอ่ะ ไม่ไปซะที" คงต้องรอเขาเปลี่ยนพวกรูปปั้นชุดใหม่น่ะ คนเสื้อเขียวถึงจะยอมไป



เอ่อ... มา Key West ก็ต้องมาชม Sun Set แต่ฉันได้ชมพระอาทิตย์ตกขณะอยู่บนรถที่วิ่งๆ อยู่เจอสะพานขาด อึ๊ย... ไม่ใช่เส้นนี้ เส้นโน่น

หมดแล้ว... จริงๆ มีอีก แต่พอเหอะเนอะ

ป้ายกำกับ: ,

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552

ความรู้คู่การกิน - หอย... หอย

ว่าด้วยเรื่องหอย...หอย ที่ฉันชอบ

เนื่องจากฉันเป็นคนชอบรับประทานอาหารทะเล กุ้ง หอย ปลาหมึก ปู ปลา แทบทุกชนิด
แต่ที่ฉันชอบลอง... ของแปลก ก็คือหอย



เบสิค เบสิค ก็คือ หอยลาย หอยแมลงภู่ หอยแครง หอยหวาน(หอยตุ๊กแก, หอยน้ำผึ้ง) หอยเสียบ หอยหลอด หอยทากเอสคาโก้ (จริงๆ แล้วก็ประเภทเดียวกับหอยหวานบ้านเรานั่นแหละ) หอยนางรม หอยเชลล์ (หอย scallop)
(แต่ที่เคยลองแล้วชอบมากๆ เลยนั่นคือ หอยมือเสือ โอ๊ย... ก็ยี่สิบปีมาแล้วนั่นแหละ มันถึงได้เกือบสูญพันธุ์ไปแล้วอ่ะ หายากมากๆ หากเป็นตอนนี้มาให้กิน ก็ไม่กล้ากินหรอกเนอะ กลัวสูญพันธุ์ แต่ตอนนั้นเด็กอ่ะ ยังไม่รู้เรื่องอะไร และเมื่อก่อนก็คงหาไม่ยากเท่าไหร่ แต่ตอนนั้นก็แพงแล้วล่ะ)
สารพัดหอยที่มีให้ลอง ฉันก็จะลอง (แต่พ่อเพื่อนฉัน เขาเป็นลูกทะเล เขาจะไม่กินหอยเลยนะ เขาบอกว่าหอยสกปรก เพราะมันกินเศษซากสัตว์ หิน ทราย บรื้อส์... แต่ฉันก็ยังคงกินมันอยู่เพราะมันอร่อยน่ะ)

ฉันเคยเขียนถึง หอยชักตีน ที่ฉันได้ไปลิ้มชิมรส ที่ร้านยิ้มยิ้ม จังหวัดพังงา (จริงๆ เคยลองแล้ว ร้านอาหารทะเลสักแห่งในพังงานั่นแหละ แต่จำชื่อร้านไม่ได้อ่ะ)


สาเหตุที่ได้ชื่อหอยชักตีน เพราะมันมีตีนที่คล้ายๆ ก้ามปูแข็งๆ โผล่ออกมาจากฝาหอยให้คนชักออกมาใส่ปากน่ะสิ (ใช้ไม้จิ้มฟันดึงออกมาก็สะดวกกว่าใช้มือเปล่าเป็นอย่างมาก) เนื้อหอยนั้้นเหนียวนุ่ม จิ้มน้ำจิ้มแซ่บๆ อร่อยหลาย แต่ตีนหรือก้ามมันที่แข็งๆ นั้นต้องดึงออกนะ กินไม่ได้)

หอยชักตีนมีชื่อภาษาอังกฤษคือ "Dog Conch" หรือ "Wing Shell" เป็นกลุ่มเดียวกับพวกหอยสังข์แสนสวยทั้งหลาย

อะฮ่า... Conch เนี่ยนะ

ทำให้ฉันนึกถึงอาหารที่ฉันได้ลิ้มชิมรสที่ Key West คือ Conch เขาระบุไว้ที่ทุ่น The Sounthern Most ด้วยนะ โปรดสังเกตุให้ดี
มันเป็นอาหารฮิตที่ Key West ด้วยนี่นา นั่นคือ Conch Fritter

หน้าตาแบบที่มันยังมีชีวิตอยู่ก็ประมาณนี้ (พอมาอยู่ในจานแล้ว จำกันไม่ได้เลยเนอะ)


ตอนแรกที่กิน ฉันก็คิดว่ามันคือ หอย geoduck ที่รายการ The Bizar Food ของอเมริกา (คล้ายๆ รายการเปิปพิสดารเมื่อก่อนที่พาไปกินของแปลกๆ น่ะ) ก็เคยพาไปลองชิมนะ
geoduck ภาษาพื้นเมืองแปลว่า ขุดลึกน่ะ เพราะมันจะฝังตัวในทรายที่ชุ่มน้ำลงไปลึกๆ ยิ่งตัวใหญ่ก็ยิ่งลึก ปากหอยมันต้องอยู่ผิวทราย

เจ้าหอยเนี้ย คนเขามักจะเรียกกันเพราะๆ ว่าหอยงวงช้าง แต่จริงๆ แล้ว ไม่ใช่นะ หอยงวงช้างมันต้องหน้าตาแบบนี้

ฉันว่าที่เขาเรียกกันว่า หอยกระจู๋ น่ะ เหมาะสมที่สุดแล้วล่ะ ฮ่าฮ่าแต่ก็น่าจะเรียกว่า หอยคอห่าน เอ๊ย หอยคอหงส์ น่าจะเวิร์คสุด
มันมีจริงๆ นะ ไม่ใช่เรื่องหลอก ดูจากรูปได้ อันนี้เป็นรูปถ่ายมาจากตลาดใน China Town


เวลากินก็หั่นเป็นชิ้นๆ บางๆ แบบซาชิมิ จะกินสดๆ หรือจะกินแบบชาบู ชาบู หรือจิ้มจุ่มบ้านเรานั่นแหละ
แต่อันนี้ฉันไม่เคยลองอ่ะ หากมีโอกาสก็จะลอง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าจะอยากลองรึเปล่า เพราะเท่าที่อ่านเจอมา มันเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนมากๆ พอๆ กับเต่าเลย คือเกือบร้อยห้าสิบปีได้ (ตัวที่พบเจอที่อายุมากๆ น่ะ) ที่สำคัญ มันแพง

จบเรื่องหอย... วันนี้แต่เพียงเท่านี้

ป้ายกำกับ: , , , ,

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552

Miami มีอาราย??? (ตอน 2 จบแล้ว)

วันที่สอง

เป็นวันที่เราวางแผนกันไว้ว่า ไปเที่ยว Key West กับ Day Tour (อึ้ยส์... เที่ยวกับทัวร์เหรอ แต่ฉันเป็นคนเสนอเพื่อนไปเองแหละ เพราะเกรงใจ หากเพื่อนจะต้องขับรถไป เพราะไปกลับจากไมอามี่ก็ 5-6 ชั่วโมงแล้วน่ะ ซื้อเดย์ทัวร์นั่งมองวิวสบายๆ ดีกว่า จะไปค้างก็ต้องจองโรงแรม จองที่พัก จองรถอีก คิดสรตะแล้ว... เยอะไป ไปเช้าเย็นกลับเนี่ยแหละดีแล้ว )
แต่ฉันชอบเดย์ทัวร์อันนี้มาก เพราะเขาพาเราถึง Key West แล้วก็ปล่อยอิสระให้เราเดินเที่ยวเอง 5 ชั่วโมง ถูกใจฉันมากๆ


Key West เป็นเกาะสุดท้ายปลายทางของหมู่เกาะของ Florida Key ซึ่งหมู่เกาะเหล่านี้จะอยู่เรียงตัวกันเป็นแถวทางตอนใต้ของรัฐฟลอริดา มีเพียงถนน US 1 เท่านั้นที่จะพาไปถึงหมู่เกาะเหล่านี้ ซึ่งเป็นถนนลอยฟ้าเหนือทะเล บางช่วงเป็นถนนข้ามจากเกาะหนึ่งไปสู่อีกเกาะหนึ่ง
บางช่วงถนนก็ขาดซะงั้น (ถนนเก่าที่เขาไม่ใช้แล้วน่ะ)


ออกจากจากไมอามี่แต่เช้า ซึ่งรถทัวร์มีบริการรับ ณ จุดที่พักหน้าคอนโดเลย แล้วเราก็ถึง Key West ในช่วงบ่ายของวัน แล้วลุยเดินๆๆๆๆๆ แอนด์ถ่ายรูปกันจุใจ



เจอป้ายแบบนี้ ไปถูกกันมั้ยอ่ะ

ปลาที่ห้อยอยู่นั่นน่ะของปลอม แต่คุณลุงที่เดินอยู่น่ะของจริง (หน้าตาท่าทางเหมือนคุณลุงเออร์เนส เฮมมิ่งเวย์เลยอ่ะ หรือผู้คนเมืองนี้จะโคลนนิ่งกันออกมา) ส่วนนกรูปบนนั่นน่ะ ของจริงของปลอม ลองทายดู (เฉลย ของจริงจ้ะ)


ชอบสโลแกนเสื้อร้านเนี้ยะ

The Must ของที่นี่ก็คือเจ้าทุ่นสีสันแสบซ่าก้อนนี้เอง ซึ่งเป็นทุ่นกำหนดจุดว่าตรงนี้แหละคือใต้สุดของอเมริกาแล้วนะ อีกเพียงแค่ 90 miles ก็ถึงคิวบาแล้วอ่ะ ดังนั้นใน Key West นี้เราจึงเห็นซิการ์คิวบาขายกันเกลื่อนถนนเลย แล้วเจ้าทุ่นเนี่ยนะ เป็นพระเอกของเกาะนี้เลยทีเดียว คิวยาวเหยียดเพื่อที่จะถ่ายรูปกับเจ้าทุ่นเนี้ยะอ่ะ ฉันเลยขอบายแอบนั่งถ่าย (รูป) ด้านข้าง แล้วมีเจ้าทุ่นนี้เป็น back ก็พอ (คิวยาวยิ่งกว่าเจ้าระฆังแห่งเสรีภาพที่เมืองฟิลาเดเฟียเสียอีก โดยส่วนใหญ่คนที่ถ่ายรูปแบบต่อคิวเนี่ยก็พวกกรุ๊ปทัวร์ทั้งนั้นแหละ เพราะเป้าหมายกรุ๊ปทัวร์คือมาเที่ยวเพื่อถ่ายรูปกับสัญลักษณ์ของเมืองเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกเท่านั้น ฮ่า...)




แต่ก่อนจะเดินมาถึงเจ้าทุ่นนี่ก็ต้องผ่านจุดน่าสนใจมากมาย อาทิ ตลาดฟองน้ำ(sponge market) ที่มี Sponge Bob เอ๊ย Sponge Man เป็นตัวเอกยืนโดดเด่นให้ถ่ายรูปด้วย (มีหลายตัวนะ อยากถ่ายกับตัวไหนก็เอาเลย)




ผ่าน Light House อันโดดเด่นของเกาะ แวะถ่ายรูปหน้าบ้านนักเขียนชื่อก้องโลก เฒ่าทรนงผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เออร์เนส เฮมมิ่งเวย์ ผู้เขียน The Old Man and the Sea







ฉันชอบบ้านและอาคารเก่าๆ ที่เขาอนุรักษ์ไว้ โดยมากก็จะเป็นโรงแรมและ guest house ไปหมดแล้ว

จริงๆ แล้วถ้าให้เจ๋งก็ต้องมีเวลาหลายๆ วัน ขับรถมาเที่ยวเอง แวะเที่ยวพักดำน้ำ แอนด์กิน ตามเกาะต่างๆ ที่มีจุดน่าสนใจมากมาย แต่เวลาที่ฉันกำหนดเองมีเท่านี้ 4-5 ชั่วโมงบนเกาะนี้จึงหมดไปอย่างรวดเร็ว
แล้วก็นั่งรถทัวร์กลับคอนโด เพื่อพักผ่อน
เตรียมปิ๊กบ้านอลาบาม่าจ้า

หมายเหตุ
- ผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกาใต้ ดูมีน้ำใจ ยิ้มแย้มแจ่มใสดี (คล้ายคนบ้านเราน่ะ) อีกทั้งไม่ค่อยมีระเบียบเหมือนบ้านเราด้วย ไม่ค่อยเข้าคิว ขับรถตามใจฉัน ไม่เคารพกฎจราจร เคยอยู่ในบ้านเมืองที่อเมริกันชนเขาเคร่งครัดกับกฎระเบียบต่างๆ แล้วมาอยู่ที่นี่ก็รู้สึกแปลกๆ นะ ว่าที่นี่ใช่อเมริการึเปล่า เพราะภาษาหลักน่ะไม่ใช่อังกฤษนะ แต่เป็นสแปนิช (ภาษาสเปน) ก็ขนาดป้ายห้องน้ำตามร้านอาหาร เขามีแต่ภาษาสเปนน่ะ กับรูปผู้หญิงผู้ชาย ฉันก็เลยดูรูปเอาน่ะ

- ฉันชอบคุณลุงคนขับรถที่เป็นไกด์แนะนำสถานที่ต่างๆ ไปด้วยในตัว เช็คตรวจนับลูกทัวร์ว่าขึ้นรถครบหรือยังด้วย มีประโยคติดปากแกเลยคือ “Be my guest” แล้วแกก็ยิ้มแย้มแจ่มใสดีมากๆ หัวใจบริการโดยแท้เชียว

- ขอบคุณเพื่อนรักและสามีแสนดีของเธอที่เอื้ออำนวยความสะดวกสบายและที่พักตลอดสามวันสองคืนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ป้ายกำกับ: , , , , ,

Miami มีอาราย??? (ตอน 1)

เป้าหมายการเยือนไมอามี่ครั้งนี้ของฉันไม่ใช่การเที่ยวอ่ะ เพราะทะเลไมอามี่ก็คงไม่ต่างจากพัทยา บางแสน หรือป่าตองบ้านเราเท่าใดนัก เพียงแต่มีเรือยอร์จ เรือสำราญลำโตๆ จอดเทียบท่ามากกว่าบ้านเราเยอะ... ก็เท่านั้นเอง (เรียกว่าใจไม่ได้ใฝ่เที่ยว ว่างั้นเหอะ)
เป้าหมายของฉันคือไปเยี่ยมเพื่อนรักสมัยมหา’ลัย ที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ตั้งแต่เขาแต่งงานติดตามสามีมาอยู่อเมริกานี่แหละ (สามีคนไทยนะ เพียงแต่เรียนที่เมกาแล้วก็ทำงานที่นั่นเลยอ่ะ) ก่อนกลับไทย ฉันจึงระบุไว้ในปฏิทินว่าต้องเยือนสักหน่อย

ทริปนี้ใช้เวลาแค่ 3 วัน 2 คืนเท่านั้น คือวันที่ 7- 9 กุมภาพันธ์ 2552
ฉันคิดว่าจะไปนอนที่คอนโดไฮโซของเพื่อนน่ะแหละ จะได้ไม่ต้องหาโรงแรมอยู่ให้เปลืองค่าโรงแรม (ที่แพงมากๆ ) และจะได้คุยกันได้นานๆ หน่อย แต่จะหลายคืนเกินไปก็เกรงใจอ่ะดิ ดังนั้นแค่สองคืนเนี่ยแหละกำลังดี

วันแรก
เดินทางแต่เช้าตรู่อีกเช่นเคย ตีสี่ตีห้าเนี่ยแหละ พี่ชายที่แสนดีก็ต้องฝืนร่างกายตื่นแต่เช้ามาส่งฉันอีกนั่นแหละ (ก็มีพี่ชายไว้ทำไมล่ะ ใช่ไหม ใช่ไหม) เช็คอิน ขึ้นเครื่องแบบสบายๆ สไตล์สนามบินบ้านนอก HSV (Huntsville) แค่ไม่กี่ชั่วโมง ฉันก็มาถึง MIA ไมอามี่แล้ว (แวะเปลี่ยนเครื่องที่ Charlotte รัฐแคโรไลนา จริงๆ บินตรงก็ได้นะ แต่แบบ 1 stop เนี่ย ถูกกว่าเยอะมาก ฉันก็ไม่ใช่นักธุรกิจเงินล้าน เวลาเป็นเงินเป็นทองที่จะต้องเร่งรีบอะไร ฉันจึงถือโอกาสนี้ได้ชื่อว่าเคยไปมาแล้วนะ เมืองเนี้ยะ ก็แค่เหยียบสนามบินเขาน่ะ)
เพื่อนก็มารับพร้อมสามีสุดเลิฟของเธอ แล้วก็พาฉันไปกินติ่มซำร้านอาหารจีน แล้วก็พาไปเดินชายหาดไมอามี่ (ฉันไม่อยากถ่ายรูปตัวเองกับหาดเลย เพราะฉันแต่งตัวมาไม่ได้เข้ากับทะเลแสนสวยเลยอ่ะ ฉันอยู่ในชุดเต็มยศจากเมืองหนาวมาเลยนะ ถึงแม้ว่าไมอามี่วันนี้ยังคงมีลมหนาวให้รู้สึกเย็นอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงกับเรียกว่าหนาวหรอก)
หาดไมอามี่ ช่างสวยงามแบบเสแสร้งมากๆ เพราะเป็นหาดทรายขาวราบเรียบ ไม่มีต้นไม้ ไม่มีโขดหิน ไม่มีแนวภูเขา มันมีแต่หาดทรายขาวๆ กับน้ำทะเลฟ้าๆ สีพาสเทล สวยเหมือนโปสการ์ดไม่มีผิด (พอตอนเย็นระหว่างวงสนทนาในมื้อเย็น ฉันจึงบอกความคิดของฉันไปว่า มันเป็นหาดเสแสร้งมากๆ สามีเพื่อนรักจึงเฉลยว่า จริงๆ แล้วมันก็เป็นหาดเสแสร้งจริงๆ นั่นแหละ เพราะเป็นหาดมนุษย์สร้างอ่ะ ไม่ใช่ธรรมชาติสร้างสรรค์ เอ๊... ไม่น่า สวยแบบไม่มีที่ติเหมือนพวกทำศัลยกรรมตกแต่งเลยอ่ะ)

ฉันไม่ได้ชื่นชอบหาดและทะเลที่นี่สักเท่าไหร่ (คงเป็นเพราะเห็นทะเลที่สวยกว่านี้มาแล้วมากมาย ทั้งๆที่ไม่อยากเปรียบเทียบหรอกนะ แต่สมองมันปฏิบัติการไปเอง South Beach ที่เขาว่าสวยที่สุดในไมอามี่แล้ว ฉันยังเฉยๆ เลยอ่ะ)

เพื่อนก็บอกแล้วล่ะ ว่าที่นี่ไม่ค่อยมีอะไร (แต่ฉันมักจะไม่ค่อยเชื่อคนพื้นถิ่นที่มักจะบอกว่าบ้านเมืองตัวเองไม่มีอะไรหรอก เหมือนกับเพื่อนฉันที่เป็นเจ้าของรีสอร์ทที่พังงานั่นแหละ มักจะบอกว่าไม่มีอะไรๆ แต่ฉันก็ประทับใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าทุกที เป็นเพราะเขาอยู่กับมันทุกวัน จึงรู้สึกเฉยๆ กับความงามที่เห็นอยู่ทุกวันจนชิน เหมือนเราเห็นวัดพระแก้วแล้วเราเฉยๆ น่ะ แต่ฝรั่งจะชื่นชอบมาก)
แล้วเพื่อนฉันก็พาไปเดินแหล่งช็อปปิ้งทั้งแบรนด์เนมและไม่แบรนด์เนมทั้งหลาย แต่ฉันไม่ใช่ขาช็อบน่ะก็เลยเฉยๆ (ก็ห้างที่นิวยอร์กใหญ่กว่า เยอะกว่า ฉันยังเมินได้เลย)
แล้วก็กลับมาพักผ่อนที่คอนโดไฮโซ โอ้ว... มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเรือยอร์จลำโตๆ จอดอยู่หน้าคอนโด
มองลงไปเบื้องล่างเห็นทะเล ห้างสรรพสินค้า หอนาฬิกา ถนนและวิวสวยๆ แหม... เพื่อนมีชีวิตประจำวันเหมือนชีวิต vacation จริงๆ เลย (วันนี้อากาศหนาว จึงไม่เห็นสาวๆ นุ่งบิกินี่มาเล่นน้ำที่สระน้ำกับที่หาดเลยอ่ะ)
แล้วจึงออกไปหาอะไรลงท้องเป็นมื้อเย็นที่ Cheese Cake Factory

เพื่อนบอกว่าชีสเค้กที่นี่อร่อยมาก อาร์ตต้องลอง ฉันก็ว่านอนสอนง่ายนะ ลองสิ... อั้ม... ลองแล้ว... แล้วไงเหรอ อร่อยมั้ย... ก็อร่อยนะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่า อร่อยมากมาย อร่อยลืมตายอะไร…
ฉันมันพวกความรู้สึกตายด้านรึเปล่าเนี่ย... นอนดีกว่า

ป้ายกำกับ: , , , , , , ,