ภาพถ่ายของฉัน
ชื่อ:
ตำแหน่ง: กรุงเทพฯ, Thailand

ฉันเป็นคนความจำสั้นน่ะ เหมือนเมมโมรี่สมองมันเกือบเต็มแล้ว ไม่สามารถเก็บอะไรได้มากไปกว่าที่มีอยู่นี้แล้ว บางครั้งสมองก็ Auto Delete เพื่อความสบายตัวของหัวสมองเอง ดังนั้นฉันจึงต้องบันทึกการเดินทาง ชีวิตและความคิด... บางส่วนไว้... เพื่อกันลืม และเผื่อมีใครอยากอ่าน อยากรับรู้บ้าง...ฉันก็ยินดี sharkyja@yahoo.com

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2552

เที่ยวพังงา ก่อนสงกรานต์ปี 2552 (ตอนที่ 3)



















วันที่สาม
ตื่นแต่เช้าเช่นเคย ลงไปเล่นน้ำทะเลเพื่อหาพิกัดปะการังที่เราเคยค้นพบ ระหว่างเดินเลียบชายหาด (หาดนางทอง เขาหลัก) เราก็สันนิฐานจุดโขดหินที่น่าจะมีแนวปะการัง เพราะมีช่วงหนึ่งที่ชายหาดจะเต็มไปด้วยเปลือกหอยและซากปะการังเล็กๆ น้อยๆ เกยชายหาดตลอดแนว มีทั้งปะการังสมอง ปะการังเขากวาง และก็ปะการังสีส้มๆ แดงๆ ด้วย เราจึงลุยๆ เล่นๆ น้ำทะลสักพักก็ไปทานอาหารเช้าเลิศรส แล้วก็กลับมาลุยน้ำทะเลเพื่อไปให้ถึงแนวปะการังให้จงได้ และแล้วน้ำทะเลก็เป็นใจเมื่อมันลดจนพวกเราสามารถเดินไปถึงแนวโขดหินและดำน้ำดูแนวปะการังเล็กๆ และปลาหลากสีได้อย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลาและลืมตัวว่าอิฉันลงมาแต่เช้าแล้วอิฉันลืมทาครีมกันแดด ผลปรากฏที่ไม่ต้องซอตอพอเลยนั่นคือสีผิวที่เปลี่ยนไปภายในเวลาไม่กี่นาที (อแมสซิ่งยิ่งกว่าครีมไวเทนนิ่งซะอีก) ดำฮ่ะ ดำอย่างทันตาเห็น ไอ้ดำเนี่ย อิฉันไม่กลัวนะ แต่หลังจากนั้นสิฮะ มันแสบฮ่ะและอิฉันก็กลัวมันจะลอกเป็นขุยๆ น่ะสิฮะ น้องเพื่อนอิฉันก็แนะนำว่าให้ทาน้ำมันมะพร้าว (coconut oil) อิฉันก็รีบไปหาซื้อมาทาทันทีเลย จะถูกจะแพงก็ไม่สนใจแล้วละฮ่ะ
มื้อเที่ยงวันนี้ เป้าหมายความอร่อยอยู่ที่ร้านอาหารปูดำ (อยู่อำเภอโคกกลอย) กินกระจายกันเหมือนเคย มีปูดำ (ปูทะเล) ผัดมะนาว, กุ้งผัดพริกไทยดำ, แกงส้มกุ้งโชน (ออดิบ), ปลาทรายทอดขมิ้น, ห่อหมกปลาทะเล, ผัดใบเหมียงกุ้งเสียบ (อีกแล้ว เพราะติดใจความอร่อย), ไข่เจียวปู, แฮ่กึ๋นทอด (ร้านนี้ทำเอง) กินเสร็จท้องโย้ ก่อนขึ้นรถก็แวะซื้อน้ำพริกกุ้งเสียบแบบต่างๆ ติดไม้ติดมือเป็นของฝาก (สำหรับราคาอาหารร้านนี้ราคาสูงพอควรสมกับความอร่อยเหลือหลาย พอพวกเราบ่นๆ ว่าอาหารแพงเนอะ คนขับรถได้ยินก็บอกว่า ปูทะเลมันแพงครับ ปลาทรายก็แพงเพราะเป็นปลาญี่ปุ่นครับ) อิ่มแล้วก็ต้องหาที่แวะเที่ยว จำได้ว่าที่อำเภอโคกกลอยนี้มีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติอยู่ (ชื่อ Hot spring) จึงคิดว่าจะแวะแช่น้ำพุร้อนซักหน่อย พอมาถึงมันกลายเป็นบ่อน้ำร้างไปซะแล้วอ่ะ (ยามที่เฝ้าประตูทางเข้าบอกว่า สึนามิทำให้ทางน้ำเปลี่ยนไป ไม่มีบ่อพุร้อนที่นี่แล้ว แต่โรงแรมและสปายังคงมีอยู่) นี่แหละ... ธรรมชาติให้มา ธรรมชาติก็เอากลับคืนไปได้เหมือนกัน ดังนั้นเราต้องรักษาธรรมชาติที่มีอยู่ และใช้อย่างรู้คุณธรรมชาติให้มากที่สุด
หลังจากผิดหวังกับบ่อน้ำพุร้อนแล้ว เราก็เดินทางกลับรีสอร์ท มาดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงามไม่เปลี่ยนแปลงของที่นี่ (หลังจากสึนามิแล้ว ฉันรู้สึกได้ว่าหาดหน้ารีสอร์ทตลอดแนวทั้งหาด สวยงามขึ้นมาก เพราะก่อนหน้าสึนามินั้น เขาหลักกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่บูมมาก มีร้านค้า ผับบาร์ติดชายหาดเกลื่อนไปหมด เหมือนพัทยาหรือป่าตอง จนฉันคิดว่ามันคงไม่มีวันที่จะกลับมาสงบเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ฉันเคยสัมผัสอย่างแน่แน่นอน แต่แล้วธรรมชาติก็สามารถเรียกร้องสิทธิความสวยงามของตนเองให้กลับคืนมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ถึงแม้จะต้องแลกกับความเสียหายและโศกเศร้าของมนุษย์จำนวนมากก็ตามที โอย...เศร้าและซึ้ง
หลังจากที่เราเม้าท์คุยกันกระจาย เนื่องจากไม่ได้รวมตัวกัมานานปลายปีแล้ว อัพเดทข้อมูลซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนความเห็นและความรู้ซึ่งกันและกันจนหมดไส้ ก็เริ่มหิว ดินเนอร์คืนนี้จึงเป็นลงเอยด้วยซีฟู๊ดแสนอร่อยเป็นการล่ำลาสวรรค์วิมานบนดินแห่งนี้ แต่ช้าก่อน เราไม่อาลัย... เพราะเราจะกลับมาทุกปีแต่แน่นอน ฉันขอสัญญา...

ป้ายกำกับ: , , , , ,

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อ่านแล้ว อยากบอกว่า...

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก